รีวิว Vivo Y30 สมาร์ตโฟนสเปคสุดคุ้มในราคาเบาๆ จัดเต็มกล้องหลัง 4 เลนส์, หน้าจอ Ultra O Screen พร้อมแบตเตอรี่แบบอึดๆ 5000mAh เรามาดูกันครับมีฟีเจอร์อะไรที่ทำให้รุ่นนี้เกินคุ้มบ้าง
สรุปสเปค Vivo Y30
- ขนาดตัวเครื่อง : 162.04 × 76.46 × 9.11 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 197 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Ultra O Screen แบบ LCD กว้าง 6.47 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1560 x 720 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9 และพื้นที่การแสดงผลที่ 90.77%
- หน่วยประมวลผล : Mediatek Helio P35 Octa-core
- RAM 4 GB
- ROM 128 GB สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้
- ระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 4 เลนส์แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Super Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ซิม
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz + 5GHz, Bluetooth 5.0, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
มาพร้อมกับความสวยงามแบบเรียบง่ายสำหรับกล่องของ Vivo Y30 มีสีขาวพร้อมชื่อรุ่น และลวดลายสีขาวตัดฟ้ารูปตัว “Y” โดยอุปกรณ์ต่างๆ ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง Vivo Y30 พร้อมติดฟิล์มกันรอย
- อะแดปเตอร์
- สาย USB Type-C
- เคสใส
- อุปกรณ์เปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- ใบรับประกันสินค้า
ดีไซน์ของ Vivo Y30 เน้นเรื่องสีสันที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษแบบ Dazzling 3D Colors โดยสีสันที่เราได้มาเป็นสีขาวอมฟ้า Moonstone White คล้ายกับหยกสีขาวที่มีประกายมุกระยิบระยับ เล่นกับลวดลายที่หลังตัวเครื่องที่ดูนุ่มนวลสุดๆ ขณะที่อีกสีจะเป็น Dazzle Blue สีน้ำเงินสุดเงางาม มีความเปล่งประกายออกมาจากโมดูลกล้องที่มุมซ้ายบน
Vivo Y30 ยังออกแบบตัวเครื่องให้โค้งมนแบบ 3 มิติ เพื่อให้การจับถือระหว่างใช้งานต่างๆ เป็นไปได้อย่างสบายมือสุดๆ
ความพิเศษที่โดดเด่นใน Vivo Y30 เป็นหน้าจออแสดงผล Ultra O Screen ชนิด LCD ทำให้มีขนาดอยู่ที่ 6.47 นิ้ว พร้อมความคมชัดระดับ HD+ (1560 x 720 พิกเซล) ซึ่งก็รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีครับ
ที่สำคัญใครที่ชอบฟังเพลงหรือดูภาพยนตร์ต่างๆ ในสมาร์ตโฟน Vivo Y30 ก็ให้เราใช้งานอย่างเต็มอรรถรสแบบเต็มตาเพราะมีพื้นที่การแสดงผลที่ 90.77% เลยทีเดียว
เหนือหน้าจอแสดงผลของ Vivo Y30 มีกล้องหน้าฝังในหน้าจอที่มุมซ้ายบน และลำโพงสำหรับสนทนาที่ตรงกลาง
ทางซ้ายตัวเครื่องมีเพียงช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง
ส่วนทางขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power
ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีตั้งแต่ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ถัดไปทางขวาจะมีไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
สุดท้ายที่ด้านหลังมีโมดูลกล้องหลัง 4 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LED ที่อยู่ด้วยกันครับ ขณะที่ตรงกลางเครื่องจะมีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
Vivo Y30 แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10 ซึ่งในระบบรุ่นใหม่นี้ช่วยให้การทำงานทั่วไปของระบบไหลลื่นมากยิ่งขึ้น เพราะมีการจัดการเรื่อง RAM ได้ดีกว่าเดิม
หน้าตา UI : Funtouch OS 10
โหมดถนอมสายตา Eye Protection Screen
สำหรับ Vivo Y30 ที่เน้นเรื่องหน้าจอถนอมสายตาอยู่แล้วก็มาพร้อมโหมดตัดแสงสีฟ้าได้อย่างชาญฉลาดครับ นอกจากจะมีการเปิดสีหน้าจอให้เป็นโทนอุ่นได้แล้ว ก็ยังมีการเปิด/ปิดแบบอัตโนมัติตามพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกตามภูมิภาคของเราด้วย
โหมดมืดใช้งานได้ในที่แสงน้อย
ไม่ใช่แค่โหมดถนอมสายตา แต่โหมดมืดก็มีมาให้เหมือนกัน ซึ่งพื้นหลังของระบบทั้งหมดจะเป็นสีดำ รวมถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่รองรับเช่นกัน
ทั้งนี้ เราสามารถปรับความสว่างของพื้นหลังจากสีดำเป็นสีออกเทาๆ ได้เช่นกันครับ
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยก็มีให้ครบเช่นกันครับ ที่แม้ว่าจะไม่ได้สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แต่ก็มีให้สแกนใบด้านหลังเครื่องครับ สะดวกไม่แพ้กัน แถมการใช้งานในการปลดล็อกก็รวดเร็วด้วย
ส่วนการสแกนใบหน้าก็ถือว่ารวดเร็วครับ กดปุ่ม Power เสร็จ ก็รอการสแกนเพียงไม่นาน ก็ใช้งานได้ทันที
เปลี่ยนเอฟเฟ็กต์แบบไดนามิกอย่างสวยงาม
เราสามารถเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์แบบไดนามิกได้ 2 แบบใน Vivo Y30 ครับ จะมีทั้งรูปแบบของการเข้าสู่เข้าจอหลักหลังปลดล็อกเครื่อง และรูปแบบภาพเคลื่อนไหวของการสแกนใบหน้า
สุขภาวะดิจิทัล (Screen Time) แบบอัจฉริยะจาก Jovi
Jovi หรือผู้ช่วยอัจฉริยะใน Vivo Y30 จะบันทึกเวลาในการใช้งานสมาร์ตโฟนของเรา ไม่ว่าจะเป็นเวลาบนหน้าจอ, จำนวนที่หยิบ, ระยะเวลาการดูโดยเฉลี่ย และใช้งานต่อเนื่องนานเท่าไหร่ เป็นต้น เพื่อให้เราได้ทราบว่าเราใช้งานสมาร์ตโฟนหนักแค่ไหน และเราควรพักผ่อนแล้วหรือไม่
ทั้งนี้เราสามารถตั้งค่าขีดจำกัดเวลาหน้าจอว่ากี่ชั่วโมงและกี่นาที เพื่อไม่ให้เราใช้งานเยอะเกินไปครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Vivo Y30 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลรุ่นเล็กอย่าง Mediatek Helio P35 Octa-core ที่เน้นเรื่องการประยัดพลังงาน ทั้งยังมี RAM ให้ 4GB พร้อม ROM 128GB ทำให้จะโหลดแอปหรือเกมก็เก็บได้เยอะ ไม่ต้องกลัวเต็ม ที่สำคัญ Vivo Y30 ยังมีเทคโนโลยี Multi-Turbo 3.0 ที่ช่วยให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ เร็วขึ้นด้วย
ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำคะแนนไปได้ที่ 111,074
เล่นเกมไหลลื่นด้วยฟีเจอร์ Ultra Game Mode เวอร์ชัน 8.0
Ultra Game Mode ใน Vivo Y30 มาพร้อมกับเวอร์ชัน 8.0 แล้วครับ เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยให้การเล่นเกมไหลลื่นกว่าเดิม ซึ่งจะมีฟังก์ชันเสริมเป็นการบันทึกหน้าจอระหว่างเล่นและล็อกความสว่างหน้าจอครับ
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
ต้องบอกว่าการปรับกราฟิกเกม ROV ใน Vivo Y30 นั้นทำให้ดีเกินคาดเพราะปรับได้สูงสุดทั้งหมด รวมถึงเฟรมเรทระดับสูงด้วย ซึ่งเราก็ทดสอบเล่นในโหมด 5 VS 5 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ ครับสำหรับสมาร์ตโฟนราคาประหยัด ส่วนเรื่องเฟรมเรทอาจจะดรอปอยู่ครับ แต่ถ้าใครไม่อยากให้เฟรมดรอปก็ให้ลองปรับลดกราฟิกมาอยู่ระดับกลางได้เลยครับ
Call of Duty: Mobile
ส่วนเกม Call of Duty: Mobile สามารถปรับภาพกราฟิกได้ในระดับ Low และเฟรมเรทระดับกลางครับ โดยเราทดสอบในโหมด Battle Royale ถือว่าเล่นได้ดีกว่าที่คิดครับ เรื่องการสัมผัสก็อยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลย
แบตเตอรี่อึด 5000mAh อยู่ได้ตลอดวัน
จัดเต็มให้เราใช้งานได้ยาวๆ สำหรับ Vivo Y30 ที่ให้แบตเตอรี่มาแบบอึดๆ ถึง 5000mAh ต้องบอกว่าใช้งานได้ตลอดทั้งวันแน่นอนครับ ทั้งยังสามารถอยู่ในโหมดสแตนด์บายได้ถึง 29.7 วันอีกด้วย นอกจากนี้ แบตเตอรี่เยอะๆ ก็ยังชาร์จให้กับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นได้ด้วยการเปลี่ยนตัวเองเป็น Power Bank แล้วทำการ Reverse charging ผ่านสาย OTG (ซื้อแยก) ครับ
กล้องถ่ายรูป
Vivo Y30 ไม่ได้ลดสเปคเรื่องกล้องแม้ว่าจะมาในราคาที่ประหยัดสุดๆ ครับ เพราะให้กล้องหลังมาถึง 4 เลนส์ ครบทุกฟีเจอร์ที่ใช้งานกันบ่อยๆ โดยแต่ละเลนส์ประกอบด้วย ..
- เลนส์หลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Super Wide-Angle 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมใช้งาน AI Beauty ได้ด้วย
เลนส์หลักถ่ายคมชัด 13 ล้านพิกเซล
Vivo Y30 จัดกล้องหลักมาให้ที่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้สวยงาม สีสันยังคงสมจริง แถมเรื่องแสงและเงาก็คมชัด ไม่ว่าจะถ่ายบรรยากาศหรือบุคคลครับ
มีเลนส์ Super Wide-Angle กว้างสุดถึง 120 องศา
ใครชอบถ่ายมุมกว้างๆ เห็นได้ครบทุกมุมมองในช็อตเดียวจะต้องมี Vivo Y30 เป็นหนึ่งในตัวเลือกครับ เพราะมีเลนส์ Super Wide-Angle มุมมองกว้างถึง 120 องศา เรื่องสีสันและความคมชัดต่างๆ ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเห็นได้ชัดเจน และระบบโฟกัสก็ทำได้ไวด้วย
เลนส์หลัก / เลนส์ Super Wide-Angle
เลนส์หลัก / เลนส์ Super Wide-Angle
ถ่าย Portrait สวยงาม ละลายหลังได้เนียน
จัดเลนส์ Bokeh มาให้ก็สามารถถ่ายภาพบุคคลให้มีมิติได้ดีขึ้นเช่นกันครับ การเบลอฉากหลังจะช่วยบุคคลดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งยังปรับแต่งใบหน้าสวยหรือโครงหน้าต่างๆ ได้ถึง 100 ระดับ
โหมด Portrait / โหมดปกติ
Super Macro ใกล้แค่ไหนก็เห็นได้คมชัด
เลนส์ Super Macro ใน Vivo Y30 มีระยะโฟกัสใกล้ถึง 4 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะที่สายตาของเรานั้นแทบไม่โฟกัสแล้วครับ นั่นหมายความว่าเลนส์นี้ช่วยให้เราเห็นในสิ่งที่ตาเรามองไม่เห็น
กล้องหน้าถ่ายสวย บิวตี้ธรรมชาติ
Vivo Y30 ก็จัดกล้องหน้ามีความสวยงามแบบธรรมชาติมาให้ใช้งานครับ ซึ่งจริงๆ ในโหมดเราแทบไม่ต้องไปปรับอะไร AI จะช่วยให้เองอัตโนมัติ
Portrait กล้องหน้าบิวตี้ได้ เบลอหลังแบบมีมิติ
แต่ถ้าใครอยากให้โฟกัสแค่ใบหน้าเราก็ยังมีโหมด Portrait ที่กล้องหน้าเช่นกันครับ ซึ่งก็ยังคงปรับแต่งใบหน้าอยู่นะ
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผล Ultra O Screen ช่วยให้จอมีความกว้างอยู่ที่ 6.47 นิ้ว พร้อมกับมีความละเอียด HD+ ทำให้ใช้งานได้ทั้งเต็มตาและคมชัดไปพร้อมกัน
- กล้องหลังจัดให้ถึง 4 เลนส์ ครบทุกฟีเจอร์ทั้ง Portrait, Ultra-Wide และ Macro ส่วนกล้องหน้าก็ถ่ายสวยงามแบบธรรมชาติ
- หน่วยประมวลผล Mediatek Helio P35 Octa-core ช่วยให้การใช้งานทั่วไปไหลลื่นพร้อมกับประหยัดพลังงานไปในตัว
- RAM 4GB คู่กับ ROM 128GB ที่ถือว่าให้มาแบบพอใช้งานแน่นอนสำหรับราคาระดับนี้ครับ โหลดแอปหรือถ่ายรูปได้นาน ไม่ต้องกังวลว่าจะเต็ม
- แบตเตอรี่ให้มาถึง 5000mAh รองรับการใช้งานได้ตลอดวัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ไม่มีหูฟังภายในกล่อง
สำหรับผู้ที่สนใจ Vivo Y30 จะเปิดวางจำหน่ายในราคา 6,999 บาท
June 13, 2020 at 09:01PM
https://ift.tt/37tzS8U
รีวิว iPhone SE 2020 ความคุ้มสุดของ iPhone ด้วยขุมพลัง A13 Bionic พร้อมฟีเจอร์ระดับท็อป ในราคาสุดสบายกระเป๋า - iphone-droid.net
https://ift.tt/2wMiz5r
Bagikan Berita Ini
0 Response to "รีวิว iPhone SE 2020 ความคุ้มสุดของ iPhone ด้วยขุมพลัง A13 Bionic พร้อมฟีเจอร์ระดับท็อป ในราคาสุดสบายกระเป๋า - iphone-droid.net"
Post a Comment